สติ๊กเกอร์ที่บุคคลสอดคล้องสําหรับบรรจุอาหารและการตลาด
บทบาทของสติ๊กเกอร์ส่วนบุคคลในความรู้จักของแบรนด์อาหาร
เมื่อพูดถึงแบรนด์อาหาร ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าการจดจำแบรนด์มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและซื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง จากการวิจัยบางส่วนที่ Nielsen ได้ดำเนินการไว้ พบว่าประมาณ 59 เปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อสินค้าจะมีแนวโน้มที่จะทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เมื่อผลิตภัณฑ์นั้นมาจากบริษัทที่พวกเขารู้จักอยู่แล้ว ผู้คนมักจะพัฒนาความไว้วางใจในแบรนด์ที่คุ้นเคยเป็นระยะเวลานาน ซึ่งก่อให้เกิดการจดจำในเชิงบวกในจิตใจของพวกเขา และพูดตามตรง เมื่อคนๆ หนึ่งเริ่มไว้วางใจแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งแล้ว พวกเขาย่อมมีแนวโน้มที่จะยึดติดกับแบรนด์นั้น มากกว่าที่จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างแบรนด์ต่างๆ ตลอดเวลา
สติ๊กเกอร์ส่วนบุคคลทำหน้าที่เป็นสัญญาณทางภาพที่มีประสิทธิภาพช่วยให้ผู้บริโภคจำแบรนด์ได้ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าบนชั้นวางโดยการทำให้สินค้านั้นโดดเด่นและน่าจดจำ นอกจากนี้ สติ๊กเกอร์ส่วนบุคคลยังสามารถสะท้อนแก่นหลักของแบรนด์ ถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
ตัวเลขไม่เคยโกหกเมื่อพูดถึงบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่น การออกแบบที่ไม่ซ้ำใครพร้อมสติ๊กเกอร์แบบกำหนดเองสามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าจดจำได้ดีขณะเลือกซื้อสินค้าอาหาร ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งจาก Paper and Packaging Board ได้แสดงข้อมูลน่าสนใจว่า ลูกค้าประมาณ 7 ใน 10 คน มักจะหยิบสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ออกแบบมาดูดีจนน่ากิน สำหรับบริษัทอาหารที่ต้องการดึงดูดความสนใจบนชั้นวางสินค้าที่เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย การลงทุนกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่การตกแต่งให้ดูดี แต่ยังช่วยให้แบรนด์ถูกจดจำและได้รับการซื้อซ้ำจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์ของการใช้สติกเกอร์ส่วนตัวสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร
การใช้สติ๊กเกอร์แบบเฉพาะบุคคลช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับบรรจุภัณฑ์อาหารอย่างแท้จริง เพราะสติ๊กเกอร์เหล่านี้ทำให้สินค้าโดดเด่นบนชั้นวางร้านค้าและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสนใจ แบรนด์ต่างชื่นชอบสติ๊กเกอร์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วยให้บริษัทมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่สามารถนำเสนอได้ในตลาดที่แข่งขันสูง ลองคิดดูว่า เมื่อมีคนเดินผ่านทางเดินในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เต็มไปด้วยสินค้าที่คล้ายกัน สิ่งใดจะสามารถดึงดูดสายตาพวกเขาได้? โดยปกติแล้วมักจะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีฉลากสะดุดตา หรือมีลวดลายที่น่าสนใจนั่นเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมธุรกิจจำนวนมากจึงหันมาใช้สติ๊กเกอร์แบบเฉพาะบุคคลในปัจจุบัน สติ๊กเกอร์เหล่านี้ช่วยให้สินค้าแสดงออกทางสายตาได้อย่างโดดเด่น ซึ่งหมายความว่าผู้คนจะสังเกตเห็นและตัดสินใจซื้อมากขึ้น ผู้ค้าปลีกก็รับรู้ดีถึงประสิทธิภาพนี้เช่นเดียวกัน จึงเป็นสาเหตุให้เราได้เห็นการใช้งานสติ๊กเกอร์ในรูปแบบที่สร้างสรรค์มากขึ้นบนผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายชนิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สติกเกอร์แบบเฉพาะบุคคลช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างผู้คนกับแบรนด์ ซึ่งงานวิจัยก็สนับสนุนเรื่องนี้ โดยแสดงให้เห็นว่าลูกค้ามักจะชื่นชอบบริษัทที่สามารถสื่อสารกับพวกเขาในระดับส่วนบุคคล เมื่อความผูกพันทางอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็มักจะทำให้ลูกค้าอยู่กับแบรนด์นั้นนานขึ้น ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และทำให้ผู้คนเลือกที่จะใช้บริการแบรนด์นั้นๆ มากกว่าแบรนด์อื่น ตัวอย่างเช่น บริษัทที่นำวัฒนธรรมท้องถิ่นหรือธีมวันหยุดต่างๆ มาใช้ในแบบอย่างการออกแบบสติกเกอร์ในปัจจุบัน ผู้คนรู้สึกถูกดึงดูดโดยสิ่งเหล่านี้เมื่อพวกเขารู้สึกว่าต้องการการเชื่อมโยงทางอารมณ์บางอย่าง และพูดตามจริง ความรู้สึกมีบทบาทสำคัญมากต่อการตัดสินใจซื้อของเรา ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่สะท้อนสิ่งที่พวกเขามองว่าสำคัญต่อตนเองอยู่แล้ว
บริษัทอาหารหลายแห่งต่างประสบความสำเร็จจากการเพิ่มสติ๊กเกอร์แบบเฉพาะให้กับผลิตภัณฑ์ของตน ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับลูกค้า ตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่ใช้สีสันสดใสและการออกแบบที่โดดเด่นบนสติ๊กเกอร์ ได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในพฤติกรรมการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้คนกับผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจดจำแบรนด์ในภายหลัง สติ๊กเกอร์เหล่านี้ทำหน้าที่คู่ขนานกันทั้งในฐานะเครื่องมือการตลาด และยังเสริมให้บรรจุภัณฑ์มีเอกลักษณ์น่าจดจำเมื่อผู้บริโภคซื้อสินค้าไปแล้ว วิธีการนี้ได้ผลักดันให้หลายแบรนด์กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภค และยึดตำแหน่งอย่างมั่นคงในตลาดที่แข่งขันสูงตามร้านขายของชำทั่วประเทศ
กลยุทธ์การออกแบบที่มีประสิทธิภาพสำหรับสติ๊กเกอร์บรรจุภัณฑ์อาหาร
เมื่อออกแบบสติ๊กเกอร์เล็กๆ สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าสีต่างๆ ส่งผลต่อจิตใจของผู้คนอย่างไร เพราะสีสามารถกระตุ้นความรู้สึกและการตอบสนองที่หลากหลายในผู้ซื้อได้ เช่น สีแดง ซึ่งทำให้คนนึกถึงความหิว สร้างความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และกระตุ้นให้เกิดความเร่งด่วน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบรรจุภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวและฉลากอาหารจานร้อนมักใช้สีแดงกันมาก ส่วนสีเขียวนั้นทำให้นึกถึงผักผลไม้สดใหม่และไลฟ์สไตล์ที่มีสุขภาพดี แบรนด์อาหารออร์แกนิกจึงนิยมใช้สีเขียวเพราะสอดคล้องกับภาพลักษณ์ธรรมชาติของพวกเขา การเลือกสีที่เหมาะสมจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเท่านั้น สติ๊กเกอร์ที่ดีที่สุดคือสติ๊กเกอร์ที่สื่อสารถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ และสามารถตอบโจทย์จิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้าเลือกสินค้าชิ้นหนึ่งแทนที่อีกชิ้นหนึ่งได้ในขณะที่อยู่ในร้านค้า
การเลือกใช้ฟอนต์ในฉลากบรรจุภัณฑ์อาหารนั้นมีความสำคัญอย่างมากในแง่ของความชัดเจนในการอ่านและการรับรู้ของผู้บริโภค ตัวหนังสือจะต้องเด่นชัดเพื่อให้ลูกค้าสามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องเพ่งหรือเข้าไปดูใกล้ๆ บางคนรู้สึกว่าฟอนต์แบบ Serif ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและน่าเชื่อถือเนื่องจากรูปลักษณ์ที่ดูคลาสสิก ในขณะที่ฟอนต์ Sans-serif มักให้ความรู้สึกทันสมัยและสะอาดตา ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์สินค้าหลายรายต้องการในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นักออกแบบส่วนใหญ่มักแนะนำว่าไม่ควรใช้ฟอนต์สไตล์อักษรศิลป์หรือลวดลายประดับมากเกินไปสำหรับข้อความหลัก แต่สามารถนำมาใช้ได้บ้างในบางโอกาส เช่น การทำโปรโมชั่นพิเศษหรือฉลากเฉพาะทาง เพราะไม่มีใครอยากเสียเวลาถอดความหมายของข้อความที่เขียนไว้บนบรรจุภัณฑ์ที่วางอยู่บนชั้นวางสินค้า
การผสมผสานความคิดสร้างสรรค์กับการปฏิบัติตามระเบียบข้อกำหนดอย่างเหมาะสมมีความสำคัญมากเมื่อต้องเพิ่มองค์ประกอบของแบรนด์ เช่น โลโก้และข้อความที่ดึงดูดใจลงบนบรรจุภัณฑ์สติ๊กเกอร์อาหาร ด้านหนึ่ง ความคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้แบรนด์สามารถดึงดูดความสนใจและสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ แต่อีกด้านหนึ่ง การปฏิบัติตามกฎระเบียบก็สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดแสดงไว้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โลโก้ที่ดีต้องได้รับการจัดสรรพื้นที่เพียงพอให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยไม่ครอบงำองค์ประกอบอื่นๆ ข้อความประจำแบรนด์ (Tagline) จะได้ผลดีที่สุดเมื่อสั้นแต่กระชับและทรงพลัง พิจารณาดูว่าผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จหลายชิ้นสามารถจัดวางองค์ประกอบให้ดูดีได้ในขณะที่ยังคงแสดงข้อมูลด้านโภชนาการหรือคำเตือนเกี่ยวกับสารก่อภูมิแพ้อย่างถูกที่ถูกทาง จุดสำคัญอยู่ที่การหาจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างศิลปะกับเอกสารระเบียบ เพื่อให้ลูกค้าได้รับทั้งความสวยงามน่าสนใจและข้อมูลที่เป็นประโยชน์
การเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคผ่านสติกเกอร์บรรจุภัณฑ์อาหาร
การเพิ่มคุณสมบัติแบบอินเทอร์แอกทีฟเข้าไปในสติ๊กเกอร์บรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น รหัส QR นั้น ช่วยได้มากในการรักษาความสนใจของผู้บริโภคไว้ได้ยาวนานหลังจากที่พวกเขาซื้อสินค้าไปแล้ว เพียงแค่สแกน ผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงข้อเสนอพิเศษ คำแนะนำในการประกอบอาหาร หรือแม้กระทั่งช่องทางในการแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้น สติ๊กเกอร์ที่ดูเหมือนธรรมดาจึงกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าที่ต้องการเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม ปัจจุบัน บริษัทหลายแห่งติดตั้งรหัสเหล่านี้ไว้บนบรรจุภัณฑ์เพื่อดึงดูดให้ผู้คนมีส่วนร่วมในโครงการสะสมคะแนน หรือเชื่อมโยงเข้ากับชุมชนออนไลน์ของตน การเชื่อมโยงในลักษณะนี้ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์และลูกค้าในระยะยาว
สติกเกอร์ได้กลายเป็นวิธีการอัจฉริยะที่แบรนด์ต่างๆ ใช้เพื่อเน้นโปรโมชันและส่วนลดพิเศษในช่วงเวลาจำกัด ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากซื้อสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาทันที ตัวอย่างเช่น สติกเกอร์สีสันสดใสที่ติดอยู่บนกล่องธัญพืช บางอันแสดงถึงการประหยัดเงินได้ทันที ในขณะที่บางอันสัญญาว่าจะให้ของฟรีเมื่อซื้อสินค้าอื่น สติกเกอร์เล็กๆ เหล่านี้สามารถสร้างความรู้สึกแบบ "ตอนนี้หรือไม่ก็ไม่ได้อีกแล้ว" ที่ทำให้ผู้คนควักกระเป๋าเงินออกมาแทนที่จะเดินผ่านไป นอกเหนือจากการทำให้สินค้าโดดเด่นจากคู่แข่งบนชั้นวางของในร้านค้า กลยุทธ์นี้ยังช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง เพราะใครๆ ก็ชอบการได้เจอของดีที่มีส่วนลดใช่ไหมล่ะ ท้ายที่สุดแล้ว เราทุกคนเคยผ่านการเดินเลือกของในทางเดินร้านค้า จนกระทั่งมีบางสิ่งสะดุดตาเราเข้า กับฉลากส่วนลดขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนสินค้านั้น
มีการศึกษาพบว่าผู้บริโภคตอบรับแพ็กเกจที่มีคุณสมบัติแบบอินเทอร์แอกทีฟได้ดีมาก ตัวเลขก็ยืนยันเช่นนี้ด้วย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ (ประมาณ 70%) มักจะตัดสินใจซื้อของจริงจัง เมื่อมีองค์ประกอบพิเศษที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้บนบรรจุภัณฑ์ ในตลาดปัจจุบันที่ทุกอย่างดูคล้ายคลึงกัน องค์ประกอบอินเทอร์แอกทีฟเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์โดดเด่นเหนือคู่แข่ง มันมอบสิ่งที่ลูกค้าจดจำได้มากกว่าแค่สิ่งที่อยู่ภายในกล่อง แบรนด์ที่ผนวกองค์ประกอบเหล่านี้เข้าไป มักได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อ คนกลับมาซื้อซ้ำเพราะจดจำประสบการณ์ได้ ไม่ใช่แค่ตัวผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว และผู้ที่ประทับใจการมีปฏิสัมพันธ์มักเล่าให้ผู้อื่นฟัง ซึ่งเป็นการเผยแพร่คำพูดถึงแบรนด์ผ่านช่องทางปากต่อปาก โดยที่ตัวแบรนด์เองแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ผลิตภัณฑ์ที่มีสติกเกอร์ส่วนตัว
สติกเกอร์แบบกำหนดเองช่วยเพิ่มความรู้สึกเชิงบวกของลูกค้าต่อการบรรจุภัณฑ์สินค้าในแทบทุกธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น สินค้าสำหรับเด็ก สติกเกอร์เหล่านี้มีให้เลือกในโทนสีสันสดใส พร้อมลวดลายมากมาย เช่น รูปภาพสัตว์ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ภาพจากเรื่องราวสั้น ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย เด็ก ๆ มักชอบใจเมื่อเห็นตัวละครหรือรูปทรงที่ตนเองชื่นชอบปรากฏอยู่บนกล่องหรือภาชนะบรรจุภัณฑ์ ความหลากหลายของลวดลายทำให้มีสติกเกอร์ที่เหมาะกับความสนใจของเด็กทุกคน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่และเด็ก ๆ ต่างตื่นเต้นเมื่อเห็นสติกเกอร์แบบเฉพาะบุคคลบนของเล่น หนังสือ หรือขนม ปัจจุบัน หลายครอบครัวต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นดีไซน์สติกเกอร์ใหม่ ๆ เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การช้อปปิ้ง
สติกเกอร์จุดสีที่ใช้แยกตามสีกันกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมในระบบสต็อกสินค้าอุตสาหกรรมอาหาร โรงเรียน สำนักงาน และคลังสินค้าทั่วไปต่างพึ่งพาสติกเกอร์เหล่านี้ในการจัดการสินค้าในสต็อก ระบุวันหมดอายุ และแยกแยะสินค้าได้ในพริบตา กาวของสติกเกอร์ยังยึดติดได้ดีเยี่ยม สามารถติดกับทุกอย่างตั้งแต่ภาชนะพลาสติกไปจนถึงชั้นโลหะโดยไม่หลุดล่อนง่าย แม้ว่าทักษะการจัดระเบียบแบบดั้งเดิมจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่จุดเล็กๆ เหล่านี้ก็ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมากเมื่อต้องจัดการกับปริมาณสินค้าคงคลังที่เน่าเสียง่ายเป็นประจำทุกวัน
ป้ายชื่อแบบติดเองได้กลายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนเกมสำหรับร้านอาหารในช่วงเวลาให้บริการที่ยุ่งและในงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่ผู้คนต้องการหาทางหรือค้นหาบุคคลได้อย่างรวดเร็ว ดีไซน์แบบเรียบง่ายทำให้สามารถติดบนเสื้อเชิ้ต เสื้อกั๊ก หรือแม้แต่โปรแกรมงานอีเวนต์ได้อย่างสะดวก เพื่อให้ทุกคนสามารถระบุได้ทันทีว่าใครคือใคร ป้ายเหล่านี้ผลิตจากพลาสติกที่ทนทาน ใช้งานได้หลายครั้ง และยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการปรับแต่ง เช่น เพิ่มตำแหน่งหรือชื่อแผนก ผู้จัดงานชื่นชมเป็นพิเศษว่า ป้ายชื่อที่ปรับแต่งได้นี้ช่วยให้การแนะนำตัวระหว่างพนักงานและแขกเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ส่งผลให้ประสบการณ์โดยรวมดีขึ้น
ป้ายชื่อแบบติดเองแบบแบนใช้งานได้ดีในทุกสถานการณ์ของการใช้แบรนด์อาหาร ฉลากเหล่านี้สามารถใช้ทั้งข้อความที่เขียนด้วยลายมือและข้อความที่พิมพ์ไว้ล่วงหน้า ทำให้เหมาะสำหรับการระบุตัวตนพนักงานในร้านอาหารในงานจัดเลี้ยง หรือการติดฉลากส่วนประกอบต่างๆ ในช่วงสาธิตการทำอาหาร เป็นวัสดุที่แข็งแรงทนทาน จึงไม่หลุดลอกง่าย ช่วยให้ร้านอาหารและผู้ขายอาหารสามารถรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้คงที่ตลอดช่วงเวลาให้บริการที่วุ่นวาย ผู้จัดการครัวหลายคนพบว่าฉลากประเภทนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรักษาการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างสมาชิกในทีม และยังช่วยให้ทุกอย่างดูเป็นมืออาชีพ
อนาคตของสติกเกอร์ส่วนตัวในวงการสร้างแบรนด์
สติกเกอร์ปรับแต่งเฉพาะตัวสำหรับแบรนด์อาหารในปัจจุบันมีการพัฒนาไปในทิศทางใหม่ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมล่าสุดที่มีในตลาดคือ สติกเกอร์ AR ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์กับบรรจุภัณฑ์อาหารโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ชี้โทรศัพท์ไปที่สติกเกอร์ ก็จะมีเนื้อหาที่หลากหลายปรากฏขึ้นบนหน้าจอกะทันหัน ตั้งแต่สาธิตวิธีการทำอาหารไปจนถึงข้อเสนอพิเศษ และที่เด็ดกว่านั้น ปัจจุบันมีบางบริษัทที่อนุญาตให้ลูกค้าสร้างสติกเกอร์ของตนเองผ่านเครื่องมือออนไลน์ ความสามารถในการปรับแต่งเช่นนี้ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกเชิงบวกต่อแบรนด์และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง
โลกของการผลิตสติ๊กเกอร์กำลังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทอาหารจำนวนมากจึงหันมาใช้ฉลากที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผู้ผลิตหลายรายต่างเริ่มใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้และวัสดุที่นำกลับมารีไซเคิลได้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อโลก อย่าลืมถึงการพัฒนาล่าสุดในเทคโนโลยีกาวด้วย กาวที่ใช้น้ำเป็นฐานและหมึกพิมพ์ที่ทำจากพืชกำลังได้รับความนิยมในอุตสาหกรรม สิ่งนวัตกรรมเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดูดีบนชั้นวางขายได้เป็นเวลานานหลายสัปดาห์
คนส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมมองว่าความยั่งยืนเป็นสิ่งที่จะกำหนดวิธีการของเราในการสร้างแบรนด์เฉพาะบุคคลในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนอย่างจอห์น สมิธ ได้กล่าวไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อห้าปีก่อน การหันมาใช้ทางเลือกสติกเกอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ล่าสุดอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งถูกมองว่าเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะสำหรับแบรนด์อาหารนั้น แบรนด์ที่พร้อมลงมือและนำวัสดุหรือกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้จริงสามารถโดดเด่นกว่าคู่แข่งที่ยังพึ่งพากระบวนการแบบดั้งเดิม ผู้บุกเบิกเหล่านี้มีแนวโน้มจะได้เปรียบในการสร้างสติกเกอร์แบบกำหนดเองที่สอดคล้องกับผู้ซื้อในปัจจุบันที่มองหาทั้งคุณภาพและความรับผิดชอบทางจริยธรรม
EN
AR
HR
CS
DA
NL
FI
FR
DE
EL
HI
IT
JA
KO
PL
PT
RU
ES
SV
TL
ID
SR
SK
SL
VI
HU
TH
TR
FA
AF
MS
IS
HY
BN
LO
LA
MN
MY
KK
UZ





